‘ธุรกิจขายตรง’ เป็นธุรกิจเน้นทำตลาดสินค้า ในรูปแบบของการนำเสนอขายต่อผู้ซื้อโดยตรง ปราศจากพ่อค้าคนกลาง และตัวแทนของบริษัทจะได้รับผลประโยชน์เป็นเปอร์เซ็นต์การยอดขาย อีกทั้งยังได้จากยอดรวมของทีมงานอีกด้วย สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับบริษัทขายตรงที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยกัน ว่าจะมีเจ้าไหนบ้าง Amway Corporation บริษัทขายตรงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทแห่งนี้มีทั้งความเก่าแก่ , สินค้าคุณภาพเยี่ยม และมีตัวแทนคับคั่งมาโดยตลอด ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1959 โดย Amway มีคุณสมบัติโดดเด่นทางด้านผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังได้ทุ่มเทวิจัย รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่ ซึ่งมีห้องทดลองที่สร้างขึ้นมาสำหรับการวิจัยและค้นคว้าสินค้า Amway ที่มีคุณภาพ ผ่านการรองรับของนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัย , ค้นคว้าและพัฒนา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบมากกว่า 500 ชีวิต นอกจากนี้ยังครอบครองสิทธิบัตรมากถึง 700 สิทธิบัตร และแน่นอนว่าผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง Giffarine เป็นหนึ่งบริษัทขายตรงที่มีชื่อเสียงไปในทางยอดเยี่ยม จัดเป็นธุรกิจเครือข่ายชั้นนำซึ่งมีความแข็งแกร่งครบทุกด้าน และสร้างภาพจำในแง่บวกให้แก่บุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี ถือกำเนิดขึ้นมาจากความมุ่งมั่นของเหล่าคณะแพทย์ รวมทั้งเภสัชกรที่ร่วมกันคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้นเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของ Giffarine โดยผ่านการรับรองถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ ผู้ก่อตั้งยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความจริงใจ อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าในทุกผลิตภัณฑ์ โดย Giffarine มียอดขายเจริญเติบโตอย่างก้าวหน้าเพราะเกิดมาจากการวางแผนทางการตลาดอันมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมทั้งแผนการขายอันมีประสิทธิภาพ จนกกระทั่งสามารถสร้างประสิทธิภาพให้แก่นักขายของ Giffarine ได้อย่างเปี่ยมล้น […]

- June 24, 2019
- admin
- Comments Off on ธุรกิจขายตรงเป็นแบบไหน ?
‘ธุรกิจขายตรง’ คือ การผลักดันสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ผ่านทางเทคนิคการขายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับการขายตรงบางรูปแบบ เป็นการขายแบบไม่มีพ่อค้าคนกลาง ซึ่งมาจากการชักชวนของสมาชิกบอกต่อกันมา และสมาชิกเหล่านั้นก็จะได้เปอร์เซ็นต์จากการขายนั่นเอง เพราะฉะนั้นผู้จะทำธุรกิจนี้ จึงต้องมีความเป็นนักขายระดับมืออาชีพเลยทีเดียว ถึงจะก้าวไปสู่ประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้สินค้ารวมทั้งบริการที่นำมาจำหน่ายก็จะต้องมีความแตกต่าง จากสินค้าทั่วไปที่วาง ขายตามห้างสรรพสินค้าซึ่งพบเห็นได้ในทุกแห่งหน หรือต้องมีจุดขายเป็นของตัวเอง
ความแตกต่างของระบบขายตรง
สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่…
ขายตรงแบบชั้นเดียว
สำหรับระบบนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก โดยจะมีพนักงานหลักของบริษัท ทำหน้าที่เสาะแสวงหา พร้อมดูแลตัวแทนขายซึ่งมีได้ไม่จำกัดจำนวน และเมื่อคุณสมัครเข้ามาเป็นหนึ่งตัวแทนขาย รายได้ที่คุณจะได้ก็จะมาในลักษณะของค่า Commission ยิ่งคุณทำได้มากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งได้ผลตอบแทนในสัดส่วนนั้นมากขึ้นไปอีก
ขายตรงหลายชั้น
การขายตรงแบบนี้ ผู้ขายไม่ได้เป็นลูกจ้างของบริษัท ซึ่งทุกคนจะเป็นนักขายรูปแบบอิสระ คือ มีหน้าที่ทั้งขายพร้อมหาสมาชิกเพิ่มเติม รายได้ที่เกิดขึ้น คือ คุณจะต้องซื้อสินค้าจากบริษัท หลังจากนั้นต้องขายออกไปให้กับลูกค้า โดยมีความต่างในเรื่องราคาปลีกกับราคาเต็มของสินค้า และนอกเหนือไปจากรายได้ที่ได้จากการขายสินค้าแล้ว ในแต่ละสิ้นเดือนทางบริษัทจะมีการคำนวณยอดขายทั้งหมดของกลุ่มนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มนั้นมีสมาชิก 50 คน ยอดขายที่เกิดขึ้นในเดือน 1 สมมติขายได้ 200,000 บาท ก็นำมารวมกันหมด และทางบริษัทก็จะมอบรางวัลโดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ออกมา เช่น200,000 บาทมอบรางวัล 10% ก็จะเท่ากับ 20,000 บาท หลังจากนั้นเงินรางวัลนี้ ก็จะถูกจ่ายโดยตรงลงมาจากต้นสายของกลุ่ม ไล่จ่ายไล่ลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นผู้อยู่หัวแถวก็จะได้รับส่วนแบ่งมากที่สุด การดำเนินระบบเช่นนี้เป็นหนทางนำไปสู่การไต่เต้าสู่ตำแหน่งชั้นบนของแต่ละกลุ่ม ด้วยเหตุนี้ถ้าคุณมองจากภายนอก คุณก็เห็นได้ว่าผู้มาก่อน ก็จะได้กินค่าหัวคิวจากการขายมาก หากแต่ถ้าบริษัทนั้นมีการออกแบบการขายส่วนนี้ ให้เป็นไปอย่างยุติธรรมแล้ว หัวหน้าทีมที่ไม่ทำอะไรเลยก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก ก็คือ บุคคลจากแถวหน้าไปชักชวนบุคคลแถวที่ 2 ก็จะต้องไม่ได้เงินหรือผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น ได้การชวนเฉยๆเท่านั้น หากแต่ว่ารายได้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อแถว 2 ออกไปขายสินค้า และแถว 3 ก็ออกไปขายสินค้า จนกระทั่งมีรายได้จากการขายปลีกขึ้นมา หลังจากนั้นก็นำรายได้ของกลุ่มมารวมกันแล้วค่อยแบ่งกระจายตามเปอร์เซนต์ไปนั่นเอง