เคยไหมที่เงินเดือนเราไม่พอใช้ คิดอยากจะหาอะไรมาทำเพิ่มรายได้ต่อเดือน หรืออย่างน้อยก็เป็นค่าขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งวันนี้คุณมาถูกที่แล้ว ในยุคสมัยปัจจุบันเรามีวิธีทำงานได้มากมาย เราสามารถหาของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาขายได้ หรือแม้แต่การเที่ยวก็อาจจะสร้างเงินให้กับคุณได้ จะเป็นอย่างไรกันนั้นต้องตามติดเรากันไปดูว่ามีงานเสริมอะไรที่จะมาสร้างเงินให้กับเรากันได้บ้างนะ!

ถ่ายภาพขายลงเว็บไซต์

          วิธีนี้อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะต้องเป็นคนที่มีกล้องอย่างน้อยก็ Mirrorless หรือ DSLR ซึ่งจะให้คุณภาพที่ดีพอจะส่งไปขายเขาได้ แต่มันเป็นวิธีที่จะได้เงินง่าย ๆ จากการท่องเที่ยวในวันหยุดหรือแม้แต่ภาพถ่ายในชีวิตประจำวันที่มีเรื่องราว บางครั้งรูปเราก็เป็นที่สนใจและขายได้โดยเว็บฝากขายเหล่านี้จะมีส่วนแบ่งให้กับเราประมาณ 20 – 30% ถ้าเราเลือกเว็บไซต์ดี ๆ จะได้กำไรมากถึง 50% มันไม่เสียหายอะไรที่จะลองนำไปขายดู ถึงแม้ว่าเว็บใหญ่ ๆ อาจมีข้อระเบียบที่ดูยุ่งยากไปเสียหน่อย แต่ก็มีทางเลือกอื่นให้เราเลือกขายได้มากมายบนอินเตอร์เน็ต

ขายของออนไลน์

การขายของออนไลน์สะดวกสุด ๆ ในสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างครีม หรือ สบู่ เราสามารถไปหารับต่อเพื่อเป็นตัวแทน หรือจ้างเข้าทำขึ้นเป็นแบรนด์ของตัวเองก็ยังได้ โดยวิธีนี้อาจจะต้องลงทุนกันซักเล็กน้อยแต่เริ่มต้นไม่เกิน 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ไม่มากเกินไปในการลงทุนสมัยนี้ ซึ่งถ้าสินค้าของเราติดก็จะมีลูกค้าเข้ามาซื้ออยู่เรื่อย ๆ จนกลายเป็นรายได้แบบมั่นคง หรือจะลองขายเสื้อผ้ามือสองด้วยการเริ่มจากตู้เสื้อของตัวเองก็ได้ ถือเป็นการสร้างต้นทุนอีกทางหนึ่ง

การลงทุนในตลาดหุ้น

          การลงทุนในหุ้นถือเป็นอาชีพเสริมได้อย่างหนึ่ง แต่ต้องมีความรู้ในการลงทุนและตลาดหุ้นพอสมควร แต่ถ้าเราเข้าใจแล้วก็จะทำในสิ่งที่เขาเรียกกันว่า “ให้เงินทำงาน” ซึ่งการลงทุนในหุ้นก็เหมือนการให้เขายืมเงินไปลงทุนและได้ผลตอบแทนกลับมา แต่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้นอาจไม่ใช่วิธีดีที่สุดในการหาเงินแบบเร่งด่วน เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ยิ่งไม่ควรเล่นแบบบรอบสั้น เน้นเล่นตัวที่มีฐานดีเหมาะกับถือยาว ๆ รอรับปันผลชิว ๆ โดยไม่ต้องคอยติดตามข่าวสารตลาดหุ้นมากนัก ในขณะที่เล่นรอบสั้นเราต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการตามติดหุ้นอยู่ตลอดเวลาจึงไม่เหมาะกับคนที่ทำงานออฟฟิศ

admin | krittipongpond@hotmail.com

Related Posts

‘ธุรกิจขายตรง’ เป็นธุรกิจเน้นทำตลาดสินค้า ในรูปแบบของการนำเสนอขายต่อผู้ซื้อโดยตรง ปราศจากพ่อค้าคนกลาง และตัวแทนของบริษัทจะได้รับผลประโยชน์เป็นเปอร์เซ็นต์การยอดขาย อีกทั้งยังได้จากยอดรวมของทีมงานอีกด้วย สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับบริษัทขายตรงที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยกัน ว่าจะมีเจ้าไหนบ้าง Amway Corporation บริษัทขายตรงที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ โดยมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทแห่งนี้มีทั้งความเก่าแก่ , สินค้าคุณภาพเยี่ยม และมีตัวแทนคับคั่งมาโดยตลอด ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1959 โดย Amway มีคุณสมบัติโดดเด่นทางด้านผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังได้ทุ่มเทวิจัย รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่ ซึ่งมีห้องทดลองที่สร้างขึ้นมาสำหรับการวิจัยและค้นคว้าสินค้า Amway ที่มีคุณภาพ ผ่านการรองรับของนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัย , ค้นคว้าและพัฒนา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ทำการตรวจสอบมากกว่า 500 ชีวิต นอกจากนี้ยังครอบครองสิทธิบัตรมากถึง 700 สิทธิบัตร และแน่นอนว่าผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง  Giffarine เป็นหนึ่งบริษัทขายตรงที่มีชื่อเสียงไปในทางยอดเยี่ยม จัดเป็นธุรกิจเครือข่ายชั้นนำซึ่งมีความแข็งแกร่งครบทุกด้าน และสร้างภาพจำในแง่บวกให้แก่บุคคลทั่วไปเป็นอย่างดี ถือกำเนิดขึ้นมาจากความมุ่งมั่นของเหล่าคณะแพทย์ รวมทั้งเภสัชกรที่ร่วมกันคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้นเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของ Giffarine โดยผ่านการรับรองถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ ผู้ก่อตั้งยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความจริงใจ อีกทั้งยังมีความรับผิดชอบต่อลูกค้าในทุกผลิตภัณฑ์ โดย Giffarine มียอดขายเจริญเติบโตอย่างก้าวหน้าเพราะเกิดมาจากการวางแผนทางการตลาดอันมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร รวมทั้งแผนการขายอันมีประสิทธิภาพ จนกกระทั่งสามารถสร้างประสิทธิภาพให้แก่นักขายของ Giffarine ได้อย่างเปี่ยมล้น […]

เมื่อเกิดการเริ่มต้นในการลงทุนทำธุรกิจ แน่นอนว่าเจ้าของธุรกิจย่อมอยากจะพาธุรกิจของตนเอง ก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น หากแต่อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้นผู้ประกอบธุรกิจจำต้องสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ตัวเองกันเสียหน่อย เพื่อเป็นการกระตุ้นพร้อมพาตนเองก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างถูกวิธี มีความรักต่อธุรกิจของตัวเอง ความสำเร็จ คือ สิ่งที่คุณต้องการต้องสร้างด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง หากแต่ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องทำงานด้วยความรัก และความสนุกสนาน เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มารวมกันจะทำให้คุณไม่ย่อท้อ สามารถก้าวข้ามผ่านจุดที่ยากลำบากไปได้อย่างราบรื่น หานิยามให้แก่ธุรกิจของตัวเองให้ได้ แนะนำให้คุณตั้งคำถามว่า ธุรกิจของคุณคืออะไร ? พร้อมหาคำนิยามสั้นๆ ให้แก่ธุรกิจของคุณ โดยถ้าคุณรู้แล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นตัวบอกให้คุณได้ทราบว่า ตนเองควรจะเดินไปในทิศทางไหน อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารให้ลูกค้าได้รู้ว่าคุณกำลังขายอะไร อีกทั้งยังง่ายต่อการกำหนดกลุ่มลูกค้าอีกด้วย นำเสนอคุณค่าไม่ใช่ราคาเท่านั้น คราวนี้เมื่อคุณรู้แล้วว่ากลุ่มลูกค้าของคุณคือใคร และสินค้าของคุณเข้าไปตอบสนองความต้องการของชีวิตของเขาได้อย่างไรแล้ว คราวนี้ให้คุณมาวิเคราะห์ว่าคุณจะมอบคุณค่าอะไรให้กับเขาดี ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการมือใหม่หลายๆคนมองข้ามไป เนื่องจากคิดถึงแต่เรื่องราคาเพียงอย่างเดียว หากแต่คุณค่าจะทำให้ลูกค้าเชื่อใจธุรกิจของคุณในระยะยาว อย่ากลัวความล้มเหลว ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจให้เจริญรุ่งเรือง จงอย่ากลัวความล้มเหลว ! เนื่องจากความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป หากแต่เป็นโอกาสที่จะทำให้คุณได้เรียนรู้พร้อมเติบโต คุณต้องทำความเข้าใจว่าต่อให้คุณทำดีที่สุดแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะพบกับความสำเร็จเสมอไป หากแต่ให้นำความล้มเหลวนี้มาเป็นประสบการณ์อันแสนมีค่า พร้อมพยายามลงมือแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคตจะดีกว่า ที่จะมานั่งโทษตัวเอง อะไรที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ ฟื้นตัวให้เร็วถ้าผิดพลาด เป็นเรื่องปกติในการทำธุรกิจบางครั้งก็ต้องพบกับคำว่า ‘ล้มเหลว’ ถ้าเป็นเช่นนั้นขอให้คุณอย่ามัวแต่เสียใจ และโทษตัวเอง หรือปล่อยตัวเองให้พบกับความเศร้ามากจนเกินไป คุณต้องปรับทัศนะคติตัวเองให้คิดในแง่ดี อีกทั้งให้นำความผิดพลาดนั้นมาวิเคราะห์พร้อมเรียนรู้ แล้วนำไปพัฒนาธุรกิจของตัวเองดีกว่า มีความเชื่อมั่นในตนเอง […]

‘ธุรกิจแฟรนไชส์’ จัดเป็นวิธีหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายตลาด รวมทั้งสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายของธุรกิจนั้นๆ ด้วยการผ่านผู้ประกอบการอิสระ ทางด้านผู้ขายก็จะให้สิทธิเครื่องหมายทางการค้าไป รวมทั้งการสอนงานต่างๆ ซึ่งผู้ขาย ‘ธุรกิจแฟรนไชส์’ ของตนจะต้องมีเครื่องหมายการค้าเสียก่อน อีกทั้งจะต้องมีวิธีดำเนินธุรกิจในทุกสาขาให้อยู่ภายใต้ความเป็นระเบียบทางด้านมาตรฐานเดียวกันอย่างเป็นระบบอีกด้วย  ‘ธุรกิจแฟรนไชส์’ หนึ่งในธุรกิจน่ารู้ โดยการจัดธุรกิจแฟรนไชส์ จะต้องมีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ กับผู้ที่ต้องการมาซื้อแฟรนไชส์ไปลงทุน อันเป็นค่าสิทธิในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งการใช้ตราสินค้าของธุรกิจนั้นๆภายใต้ข้อกำหนด โดยผู้ขายแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะเสนอขายบริการต่างๆ เพื่อเป็นการตอบแทนกับรายจ่ายนี้ เพื่อการอำนวยความสะดวกสบายต่อการทำธุรกิจ อีกทั้งยังมีการอบรมบริการต่างๆที่มีประโยชน์อีกด้วย นอกจากนี้สิ่งที่ผู้ซื้อต้องจ่ายในธุรกิจแฟรนไชส์อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ เงินสำหรับจัดการธุรกิจ ซึ่งเป็นค่าสิทธิต่อเนื่องจากการดำเนินธุรกิจ เปรียบได้ดั่งภาษีทางธุรกิจนั่นเอง โดยตามปกติแล้วผู้ซื้อแฟรนไชส์จะจ่ายเงินให้แก่ ผู้ขายแฟรนไชส์เป็นรายเดือน โดยมีการคิดจากสัดส่วนของยอดขายในแต่ละเดือน และทางผู้ขายแฟรนไชส์ ก็อาจมอบคุณประโยชน์ด้วยการให้บริการต่างๆที่เอื้อต่อความสะดวกสบาย ยกตัวอย่างเช่น การจัดรายโฆษณา , การสนับสนุนการขาย เป็นต้น ‘ธุรกิจแฟรนไชส์’ ต้องประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่… มีทั้งผู้ซื้อ – ผู้ขายแฟรนไชส์ โดยเป็นความสัมพันธ์เกื้อกูลกันระหว่าง 2 ฝ่าย ที่มีการตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษรในการทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งต้องมีสัญญาให้ถูกต้องและเป็นไปตามกฏหมาย เพื่อสร้างระบบแฟรนไชส์ในตลาดให้มีมาตรฐาน มีการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของเครื่องหมายการค้า รวมทั้งการบริการต่างๆ […]