ธุรกิจขายตรงเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก โดยเฉพาะในช่วงยุค 90 เป็นต้นมา จนถึงในโลกยุคดิจิตอลทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า เพราะธรรมชาติของตัวธุรกิจขายตรง สามารถแก้ไขปัญหาเรื่อง การลงทุนหน้าร้าน และ การให้ส่วนแบ่งกับ Distribution ซึ่งทำให้ผู้ขายสามารถลด Cost ลงไปในส่วนนี้ได้มาก แต่สิ่งที่ทำให้คนล้มเหลวในธุรกิจนี้มากกว่าคนสำเร็จ เป็นเพราะไม่สามารถนำเสนอขายสินค้าหรือทำให้คนเชื่อได้ว่า ทำไมเขาต้องใช้สินค้าของธุรกิจขายตรง ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สินค้าในธุรกิจขายตรงหลายยี่ห้อ มีคุณภาพสูงมากกว่าสินค้าที่วางในร้านค้าทั่วไป อีกจุดหนึ่งที่ส่งเสริมธุรกิจขายตรงมานานก็คือ แนวคิดเรื่อง แหล่งที่มาของรายได้ หรือเรื่องเงินสี่ด้านจากหนังสือขายดีระดับโลกของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง คิโยซากิพยายามนำเสนอเรื่อง Passive Income ว่าคือรายได้ของพวกมหาเศรษฐี คือให้เงินทำงานแทน คนเหล่านี้จึงมีรายได้เข้ามาตลอดเรื่อยๆแม้จะไม่ได้ทำงาน แต่ในขณะที่คนทั่วไปยังต้องทำงานแลกเงินอยู่ คิโยซากิสรุปได้ว่าจุดสำคัญคือ “การสร้างช่องทางของรายได้” คือกุญแจสำคัญที่แบ่งแยกระหว่างคนรวยและคนจน ในช่วงยุค 90 คิโยซากิมีหนังสือขายดีคือ “พ่อรวยสอนลูก” และ “เงินสี่ด้าน” หนังสือชุดนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังและหนังสือก็ขายดีถล่มทลาย แล้วมันเกี่ยวอะไรอย่างไรกับธุรกิจขายตรง หรือธุรกิจเครือข่าย นั่นเป็นเพราะ ช่วงแรกที่คิโยซากิเริ่มขายหนังสือ เขาได้นำหนังสือชุดนี้ไปผูกโยงกับธุรกิจเครือข่าย เพราะประธานของบริษัทแอมเวย์ในเวลานั้นอ่านหนังสือของคิโยซากิแล้วชื่นชอบมาก จึงนำหนังสือของเขาไปให้พนักงานแอมเวย์อ่าน กระแสของการสร้าง Passive Income […]

ท่านเคยเป็นหรือไม่ มีความคิดอยากทำธุรกิจ อยากค้าขาย แต่ไม่รู้ว่าจะขายอะไร จะขายให้ใคร แล้วก็กลัวว่าลงทุนไปแล้วจะขายออกหรือไม่ เพราะการลงทุนก็มีความเสี่ยง ยิ่งลงมากก็ยิ่งเสี่ยงมาก สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเงินลงทุนก็อาจกลัวว่าเอาไปลงทุนแล้วจะไปไม่รอด บางท่านที่เก่งเรื่องการหานายทุน แต่ก็ใช่ว่าได้เงินทุนมาลงธุรกิจแล้ว จะทำได้ดีจริงๆอย่างที่คิดไว้ ดังนั้นจึงมีนักลงทุนและผู้ที่อยากสร้างกิจการของตัวเองบางส่วน เลือกที่จะมองหาธุรกิจแฟรนไชส์ ขอซื้อแล้วเอามาทำเอง เพราะแฟรนไชส์หลายตัวนั้น มักได้สร้างชื่อเสียงไว้แล้ว มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนอยู่ระดับหนึ่ง สินค้าของแฟรนไชส์นั้นก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าขายออกได้แน่นอน แต่ก็ใช่ว่าทุกแฟรนไชส์จะทำได้ดีไปทั้งหมด ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก่อนอื่นในการเลือกก็คือ คัดกรองแฟรนไชส์ที่น่าสนใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีได้จริงๆ แล้วในปี 2560 มีแฟรนไชส์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ดอยคำ – แฟรนไชส์ที่ริเริ่มและพัฒนามาจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในชนบท มาวันนี้ได้กลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ว่าเป็นอาหารสำเร็จรูปเพื่อสุขภาพ และจับกลุ่มลูกค้าอายุ 35 ขึ้นไปเป็นหลัก แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ดอยคำได้มีการปรับภาพลักษณ์ไปหลายอย่าง และนำเสนอผ่านทางสื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ที่สำคัญคือ แต่เดิมดอยคำไม่สามารถเข้าถึงตลาดวัยรุ่นได้ เพราะสินค้ามีความเฉพาะตัวสูงในการจับกลุ่มผู้สูงวัย หรือผู้ดูแลสุขภาพ รสชาติหลายอย่างก็ยังไม่ค่อยตอบโจทย์นัก แต่ปัจจุบัน ดอยคำเริ่มขยายสาขาและขยายแฟรนไชส์ออกไปมากขึ้น สินค้าก็เริ่มเข้าหากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วย   ตำมั่ว – จากร้านส้มตำห้องแถว กลับกลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์อาหารอีสานที่โด่งดังมากในประเทศไทยเวลานี้ ต้องยอมรับว่า ตำมั่วยืนหยัดและขยายธุรกิจจนน่าลงทุนมาได้ขนาดนี้ เพราะการคิดครีเอทีฟทั้งเมนูอาหารและการเจาะไปที่ตลาดวัยรุ่นในห้างสรรพสินค้าได้สำเร็จ ด้วยความที่อาหารอีสานนั้นเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยในหลายภาคมานาน […]

  ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงผู้คนทุกระดับ ต้องยอมรับว่าธุรกิจขายสินค้าประเภทความสวยงาม เป็นหนึ่งในธุรกิจที่โยงกับออนไลน์ที่มีคนเข้ามาทำมากที่สุดในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มาก อีกทั้งสินค้าประเภทความสวยงามนั้นแม้จะมีการแข่งขันรุนแรง แต่ถ้าสามารถนำเสนอได้ดี ก็สามารถสร้างฐานลูกค้าของตัวเองได้ จึงมีคนเข้ามาจับธุรกิจขายเครื่องสำอางออนไลน์เป็นอาชีพเสริม ไม่ว่าจะเป็น พริตตี้ ดารานักแสดง หรือกระทั่งนักศึกษาก็สามารถหาเป็นรายได้เสริมได้ด้วย แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สำเร็จในธุรกิจนี้ แล้วเราจะเริ่มต้นธุรกิจอย่างไรให้รุ่ง มาลองดูการแนะนำในเบื้องต้นกัน   สินค้าของเราดีจริงไหม ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำตลาด แต่สำคัญคือ สินค้าของเราดีจริงหรือไม่ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้จริงไหม ไม่ใช่ว่าลูกค้าซื้อสินค้าของเราไปแล้ว ปรากฏว่าผิวหน้าเขาแพ้ มีผื่นขึ้น ไม่ตอบโจทย์ สินค้าเราก็ยากจะแข่งขันในตลาดได้ โดยเฉพาะในสภาวะที่การขายเครื่องสำอางออนไลน์กำลังได้รับความนิยมและเป็นตลาดใหญ่มาก เพราะใครๆก็ทำได้ แล้วสามารถแบ่งเวลาว่างมาขายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นต้องแน่ใจว่า สินค้าของเราดีจริง แก้ไขปัญหาลูกค้าได้จริงก่อน   ความรู้ในธุรกิจ เรามีแค่ไหน สำหรับท่านที่ไม่เคยขายของ จำเป็นต้องศึกษาดูแนวทางและสะสมเคสอื่นๆไว้ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ของคนอื่นบ้าง เราอาจจะต้องเอาประสบการณ์คนอื่นเป็นบทเรียน อย่างน้อยก็เพื่อลดความเสี่ยง อีกวิธีที่นิยมกันคือ ไปเข้างานอบรมสัมมนาหรือลงเรียนในคอร์สที่สอนเรื่องการทำธุรกิจเครื่องสำอางออนไลน์   ตัวเรามี Inner กับสินค้าหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการตลาดออนไลน์ในยุคนี้ เพราะถ้าเราไม่มี Inner ในการใช้สินค้าอยู่บ้าง โอกาสที่เราจะบอกเล่าสินค้าว่าดีแท้แค่ไหนด้วยตัวเองก็อาจจะยาก วิธีแก้ปัญหานี้สำหรับนักลงทุนคือ […]